มาเรียนรู้พฤติกรรมนกพิราบ และภัยที่มาจากนกพิราบ
เพื่อเข้าใจ “วิธีป้องกันนกพิราบ” กันค่ะ

ธรรมชาติของนก

          นกพิราบมีถิ่นกำเนิดในยุโรป แอฟริกาเหนือ และทางตะวันตกของเอเชีย ก่อนจะแพร่กระจายไปตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก เพราะเป็นนกที่มีการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมดีมาก นกพิราบเป็นนกที่มีถิ่นอาศัย ในสิ่งแวดล้อมเปิดและกึ่งเปิด ในพื้นที่เกษตรกรรม และในเมือง หน้าผา และขอบหิน

          ในสมัยโบราณจะใช้นกพิราบในการสื่อสาร เนื่องจากเป็นนกที่มีประสาทสัมผัส เป็นอย่างดีในการที่จะหาทางกลับถิ่นฐานที่จากมา แม้ว่าจะตาบอดสี และอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม ด้วยการใช้สนามแม่เหล็กโลก อีกทั้งยังใช้แสงแดด และจมูกในการดมกลิ่นอีกด้วย

          นกพิราบมักมีคู่ครองตัวเดียว มีลูกครั้งละ 2 ตัว ตัวพ่อและตัวแม่ช่วยกันเลี้ยงดูลูก โดยเมื่อจับคู่กันแล้วจะไม่แยกจากกันตลอดชีวิต แม้ว่าคู่จะตายไปแล้ว

          ฤดูผสมพันธุ์ของนกพิราบ จะมีปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม และ กันยายน – พฤศจิกายน  นั่นหมายถึงว่า หากมีนกอาศัยในพื้นที่ใดๆก้อตามแล้ว ปริมาณนกพิราบจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ 3 ต่อปี

          ในประเทศไทยคาดว่ามีนกพิราบประมาณ 10 ล้านตัว ปกตินกพิราบมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 15 ปี

          เนื่องจากนกพิราบเป็นสัตว์ปีกที่แข็งแรง สามารถบินได้ไกลถึงวันละหลายร้อยกิโลเมตร อีกทั้งนกพิราบในเมืองยังมีแหล่งหากินตามกองขยะ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค (โดยมีหลายคนเปรียบเปรยว่า นกพิราบ ก้อคือ หนูมีปีก) นกพิราบจึงเป็นพาหะนำเชื้อโรคที่มีผลต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด รวมถึงคน อาทิเช่น

          เมื่อนกพิราบที่ติดเชื้อจากที่ต่างๆ มาอาศัยในบ้านของเรา ไรขนและ มูลนกที่ถ่ายออกมาก้อจะมีเชื้อโรค ไวรัส และแบตทีเรียต่างๆด้วย และเมื่อมูลนกสะสมทุกวันๆ ก้อจะเริ่มมีเชื้อราเกิดขึ้นที่มูลนก และสปอร์ของเชื้อรา ก้อจะปลิวไปตามลมที่พัดผ่าน บางครั้งสปอร์ก้อเล็กจนแม้แต่คนก้อมองไม่เห็น ปลิวในอากาศบริเวณที่นกพิราบอาศัย และเมื่อคนสูดอากาศเข้าไปก้อได้รับเชื้อโรคทั้งไวรัส หรือแบคทีเรียนั้นเข้าไปทางระบบการหายใจ ปลิวมาติดที่ตาก้อจะเกิดโรคทางตาได้ ปลิวมาโดนผิวหนังก้อเกิดโรคทางผิวหนังได้ หรือแม้แต่บางครั้งปลิวไปติดเสื้อผ้าที่ตากไว้ ก้อมีโอกาสติดเชื้อโรคในร่มผ้าอีกด้วย

          นอกจากนี้มูลนกยังมีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะทุกชนิด สีรถยนต์ สีอาคาร รวมไปถึงสร้างความสกปรกกับสระว่ายน้ำสุดสวยของเรา

อุปกรณ์ป้องกันนกพิราบในปัจจุบันใช้งานได้จริงหรือ ?

          เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การที่นกพิราบ นกเอี้ยง หรือนกกระจอก จะอาศัยพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งทำรัง หรือพักอาศัย จะต้องมีความเหมาะสม หลายๆอย่างร่วมกัน เช่น ใกล้แหล่งอาหาร มีแสงสว่างในเวลากลางคืน มีความอบอุ่น หรืออยู่ในทิศทางของฝูงนกอพยพ ฯลฯ บ่อยครั้งเราเห็นนกชอบที่จะอาศัยใกล้ คอมเพรสเซอร์แอร์ ตามบัวหน้าต่างบ้าน หรือชายคาที่นกสามารถหลบฝนได้ และเมื่อเราใช้อุปกรณ์ป้องกันนก ที่มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไปมาติดไว้เพื่อป้องกันนก ดังได้กล่าวตอนต้นว่า นกเป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้เก่ง (โดยเฉพาะนกพิราบ) ดังนั้นนกก้อจะหากิ่งไม้ใบหญ้า หรือเศษวัสดุต่างๆมากองสุมไว้เพื่อใช้พื้นที่นั้นๆอยู่อาศัยต่อไป  บ้างก้ออาจกัดแทะหรือมุดตาข่ายเพื่อใช้พื้นที่ที่ถูกปิดกั้นนั้นอยู่อาศัยต่อไป หรือแม้กระทั่งปรับตัวเคยชินต่อเสียงรบกวนต่างๆ หรือแม้กระทั่งคลื่นเสียง หรือ สายไฟกระแสตรงเปลือยสาย